วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

รู้จักงาดำ...ธัญพืชมหัศจรรย์

งาดำ ธัญพืชเมล็ดจิ๋วที่มีคุณค่ามากมาย "งาดำ" มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum oreintale L. ชื่อสามัญคือ sesame มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่ประเทศเอธิโอเปีย ถูกนำเข้าไปในอินเดียก่อนที่จะขยายพันธุ์เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก มีการนำงาดำมาใช้ประโยชน์หลักๆสามด้าน คือ อาหาร ยาสมุนไพร และ ด้านความงาม

ในเมล็ดงา มีสารอาหารที่สำคัญ ได้แก่ โปรตีนประมาณ 20-25% ไขมันประมาณ 45-55% เป็นนำมันที่มีกลิ่นหอม และกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูง (กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ ไม่ก่อให้เกิดโรคอ้วน ในทางตรงกันข้ามยังช่วยลดกรดไขมันชนิด LDL ที่เป็นสาเหตุของไขมันอุดตันในเส้นเลือดและโรคหัวใจด้วย ) นอกจากนั้นยังมีวิตามินบี และ วิตามินอี สูง มีเกลือแร่ที่สำคัญคือ เหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม ไอโอดีน สังกะสี และ เซเลเนียม สำหรับพระเอกตัวหนึ่งในงาที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย คือ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่ชื่อ เซซามิน (sesamin) หรือเซซามิโอ (sesamio) ได้มีการวิจัยที่น่าสนใจอย่างมากเกี่ยวกับประโยชน์ของสารเซซามิโอโดย รศ. ดร. ปรัชญา คงทวีเลิศ หน่วยวิจัยที่มีความเป็นเลิศทางด้านวิศวกรรมเนื้อเยื่อของประเทศไทย ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมได้ใส่ลิ้งค์ไว้ด้านข้างสำหรับผู้ที่สนใจเข้าไปอ่านเพิ่มเติมครับ

การใช้ประโยชน์จากงาดำมีมาแต่โบราณ มีหลักฐานว่าหญิงตั้งครรภ์นิยมใช้น้ำมันงาทาหน้าท้อง เพื่อป้องกันหน้าท้องแตกลาย เพราะน้ำมันงาจะช่วยลดแรงตึงของผิวหนังได้ นอกจากนี้ยังมีการนำมาใช้ในการหมักผมให้ดกดำ นุ่มสลวยเงางาม ในการแพทย์อายุรเวชนิยมใช้น้ำมันงาดิบในการนวดตัว ขจัดอาการปวดเมื่อย คลายกล้ามเนื้อ ปวดข้อ เคล็ดขัดยอก ในทางการแพทย์ตะวันตกและตะวันออกระบุว่า "งาดำ" มีคุณค่าที่ดีต่อ ผม หนังศีรษะ และผิวพรรณ ( ปัจจุบันพบว่าสารออกฤทธิ์ดังกล่าวคือ niacin) ส่วนสารในกลุ่มชะลอความแก่คือ กลุ่มสารลิกแนนส์ ไกลโคไซด์ และวิตามินอี

ไม่มีความคิดเห็น: